เครื่องสกัดไฟฟ้าใช้งานอย่างไร? รู้ก่อนซื้อลดความเสี่ยงก่อนใช้งาน
เครื่องสกัดไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้การรื้อถอนและเจาะคอนกรีตในงานก่อสร้างเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้า เครื่องมือนี้สามารถช่วยลดภาระของแรงงาน ลดระยะเวลาในการดำเนินงาน และเพิ่มความแม่นยำในการสกัดพื้นผิวคอนกรีตโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างโดยรอบ
ความสำคัญของเครื่องสกัดไฟฟ้าในงานก่อสร้างนั้นอยู่ที่ความสามารถในการทำงานได้ต่อเนื่อง มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องสกัดประเภทอื่น และใช้งานง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมทั้งในงานก่อสร้างขนาดเล็กไปจนถึงงานภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการความละเอียดและประสิทธิภาพสูง
บทความที่แล้วเราได้กล่าวถึงเคล็ดลับการเลือกเครื่องสกัดคอนกรีตให้เหมาะสมกับการใช้งานไปแล้ว ในบทความนี้เราจะแนะนำวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง คุณสมบัติของเครื่องสกัดคอนกรีต และแนวทางเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุด
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้า
เครื่องสกัดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในงานก่อสร้างและรื้อถอนคอนกรีต ด้วยพลังงานจากระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถส่งแรงกระแทกไปยังพื้นผิวคอนกรีตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระของแรงงาน และช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น แม้ว่าเครื่องมือชนิดนี้จะใช้งานได้ง่ายกว่าประเภทที่ใช้ลมอัดหรือไฮดรอลิก แต่หากใช้งานไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัย รวมถึงทำให้เครื่องมือเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
เพื่อให้สามารถใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ก่อนเริ่มใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้า จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้เครื่องมือสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ การตรวจสอบสภาพเครื่องมือและอุปกรณ์เสริมก่อนเริ่มใช้งานเป็นขั้นตอนที่ช่วยลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ และช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
1. ตรวจสอบสภาพเครื่องมือและดอกสกัด
เครื่องสกัดไฟฟ้าต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ควรตรวจสอบว่าสายไฟไม่มีรอยฉีกขาด ตัวเครื่องไม่มีรอยร้าวหรือแตกหัก และระบบจับดอกสกัดยังล็อกแน่นหนา หากพบว่าดอกสกัดมีรอยแตก งอ หรือสึกหรอ ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุระหว่างใช้งาน
2. การเลือกพลังงานไฟฟ้าที่เหมาะสม
เครื่องสกัดไฟฟ้าส่วนใหญ่ใช้แรงดันไฟฟ้าที่แตกต่างกัน เช่น 110V หรือ 220V คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแหล่งจ่ายไฟหรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้อยู่ เหมาะกับการใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้าที่คุณมีหรือไม่ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้สายไฟที่ยาวเกินไปโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้แรงดันไฟฟ้าตก ส่งผลให้เครื่องทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
3. การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน คุณควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัยระหว่างใช้งาน เช่น
- แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันฝุ่นและเศษคอนกรีตที่กระเด็น
- ถุงมือกันกระแทก ลดแรงสั่นสะเทือนที่มือ
- หน้ากากกันฝุ่น ป้องกันการสูดดมฝุ่นละออง
- รองเท้าเซฟตี้ ป้องกันอุบัติเหตุจากวัสดุที่อาจตกใส่
- ปลั๊กอุดหูหรือที่ครอบหู ลดเสียงดังจากเครื่องมือ
การป้องกันตัวเองระหว่างใช้งานและการตรวจสอบสภาพเครื่องมือก่อนใช้ ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ แต่ยังช่วยให้สามารถใช้เครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และทำให้งานก่อสร้างหรือรื้อถอนเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น นอกจากนี้คุณควรเรียนรู้วิธีใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้าอย่างถูกต้องเพื่อลดความเสียหายต่อทรัพย์สินและคนรอบข้างตามขั้นตอนต่อไปนี้
วิธีใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้าอย่างถูกต้องมีอะไรบ้าง?
การใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้า อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เครื่องสกัดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แรงกระแทกสูงในการสกัดพื้นผิวคอนกรีต การใช้งานที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เครื่องมือเสียหาย หรือร้ายแรงกว่านั้นคือ เกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้งาน
ดังนั้นคุณควรเรียนรู้วิธีการใช้งานให้ถูกต้องรวมถึงค่อย ๆ สะสมประสบการณ์เพื่อให้สามารถใช้งานเครื่องสกัดคอนกรีตได้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
1. ตั้งค่ากำลังและแรงกระแทกให้เหมาะกับงาน
เครื่องสกัดไฟฟ้าบางรุ่นมีระบบปรับแรงกระแทกและความเร็วในการทำงาน เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทของวัสดุที่ต้องการสกัด การตั้งค่ากำลังและแรงกระแทกที่ถูกต้องจะช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น และลดความเสียหายที่ไม่จำเป็น เช่น
- งานสกัดขนาดใหญ่และพื้นผิวหนา: ควรใช้กำลังและแรงกระแทกสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรื้อถอนและลดระยะเวลาในการทำงาน
- งานสกัดคอนกรีตบาง ๆ หรือเจาะผนังเบา: ใช้แรงกระแทกต่ำเพื่อควบคุมการทำงานให้แม่นยำและลดการแตกกระจายของวัสดุ
- งานสกัดในพื้นที่จำกัดหรือมุมแคบ: ใช้แรงกระแทกที่เหมาะสมเพื่อลดแรงดีดกลับของเครื่อง และช่วยให้ควบคุมทิศทางการทำงานได้ดีขึ้น
2. ควรมีเทคนิคการจับเครื่องมือเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน
เครื่องสกัดไฟฟ้าทำงานโดยอาศัยแรงกระแทกสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่ส่งผลต่อผู้ใช้งาน หากถือเครื่องมือไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บในระยะยาว
- คุณควรจับเครื่องมือด้วยสองมือเสมอ: มือข้างหนึ่งจับบริเวณด้ามจับหลัก และอีกข้างจับที่ด้ามเสริมเพื่อเพิ่มความมั่นคง
- ไม่ออกแรงกดมากเกินไป: เครื่องสกัดไฟฟ้าออกแบบมาให้ใช้แรงกระแทกจากตัวเครื่องโดยอัตโนมัติ การกดเครื่องแรงเกินไปอาจทำให้เครื่องร้อนเร็ว และทำให้แรงสั่นสะเทือนมากขึ้น
- ตั้งเครื่องให้อยู่ในมุมที่เหมาะสม: การสกัดพื้นผิวคอนกรีตควรทำมุมประมาณ 45 องศา เพื่อลดแรงต้านและช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด
การจับเครื่องมืออย่างถูกต้องจะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนที่ส่งไปยังมือของผู้ใช้งาน ลดอาการเมื่อยล้า และช่วยให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
3. ควบคุมทิศทางและความลึกของการสกัด
การควบคุมทิศทางของเครื่องสกัดไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และลดความเสียหายที่ไม่จำเป็น การใช้เครื่องมือผิดมุมหรือแรงกระแทกมากเกินไป อาจทำให้พื้นผิวแตกกระจายเกินความต้องการได้
- คุณควรเริ่มต้นจากขอบนอกของพื้นที่สกัดก่อน ไม่ควรเริ่มสกัดจากจุดศูนย์กลางของพื้นที่ เพราะอาจทำให้คอนกรีตแตกร้าวไปยังพื้นที่ที่ไม่ต้องการรื้อถอน
- ไม่ควรพยายามสกัดคอนกรีตให้ลึกมากในครั้งเดียว ควรสกัดเป็นชั้น ๆ เพื่อควบคุมแรงกระแทกและลดฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น
- หากพบว่าคอนกรีตแข็งเกินไป ควรปรับมุมเครื่องสกัดเล็กน้อยเพื่อให้แรงกระแทกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้าอย่างถูกต้อง ไม่เพียงช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน การตั้งค่ากำลังและแรงกระแทกให้เหมาะสมกับประเภทของงาน การจับเครื่องมืออย่างถูกต้องเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน และการควบคุมทิศทางของการสกัดเป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือผิดประเภทหรือการออกแรงกดมากเกินไป จะช่วยให้เครื่องมือมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย การฝึกฝนการใช้งานให้ถูกต้องตั้งแต่แรก จะช่วยให้สามารถใช้งานเครื่องสกัดไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด
ขั้นตอนบำรุงรักษาเครื่องสกัดคอนกรีตหลังใช้งาน
การบำรุงรักษาเครื่องสกัดคอนกรีต หลังใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เครื่องมือมีอายุการใช้งานยาวนาน ลดความเสี่ยงจากการเสียหาย และช่วยให้เครื่องมือพร้อมใช้งานในครั้งต่อไป หากไม่มีการดูแลที่เหมาะสม เครื่องอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเกิดปัญหาขัดข้องในระหว่างการใช้งาน ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือความล่าช้าในการทำงานได้ เราได้รวบรวมวิธีการบำรุงรักษาเครื่องสกัดคอนกรีตเบื้องต้นสามารถทำตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. ทำความสะอาดเครื่องและตรวจสอบความเสียหาย
หลังจากใช้งานเสร็จ เครื่องสกัดไฟฟ้ามักจะมีฝุ่นละอองและเศษคอนกรีตติดอยู่ ซึ่งอาจทำให้เครื่องเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ การทำความสะอาดหลังใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เครื่องยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีทำความสะอาดเครื่องสกัดไฟฟ้า
- ใช้แปรงขนนุ่มหรือผ้าแห้งปัดฝุ่น และเศษคอนกรีตออกจากตัวเครื่อง ไม่ควรใช้น้ำล้างโดยตรงเพราะอาจทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหาย
- ใช้ลมเป่าทำความสะอาดช่องระบายอากาศ เพื่อป้องกันฝุ่นอุดตัน ซึ่งอาจทำให้เครื่องร้อนเร็วกว่าปกติ
- เช็ดทำความสะอาดดอกสกัดและหัวจับเครื่อง หากมีฝุ่นและเศษวัสดุติดแน่น อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดออก แต่ควรปล่อยให้แห้งสนิทก่อนเก็บ
ตรวจสอบความเสียหายของเครื่องมือ
หลังจากทำความสะอาดแล้ว ควรตรวจสอบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นกับเครื่องมือหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในครั้งต่อไป
- ตรวจสอบตัวเครื่องว่ามีรอยแตกร้าวหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณมอเตอร์และช่องระบายอากาศ
- ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟ ว่าไม่มีรอยฉีกขาดหรือสายไฟเปื่อยเสื่อมสภาพ เพราะอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
- ตรวจสอบดอกสกัด ว่ายังมีสภาพดีอยู่หรือไม่ หากมีการสึกหรอมากหรือเริ่มมีรอยร้าว ควรเปลี่ยนใหม่
2. การเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นและตรวจสอบระบบไฟฟ้า
เครื่องสกัดไฟฟ้าบางรุ่นต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นเป็นระยะ เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น และลดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายใน
วิธีเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น
- ตรวจสอบคู่มือของเครื่องสกัดไฟฟ้าว่าต้องเติมน้ำมันหล่อลื่นที่จุดใด โดยทั่วไปน้ำมันหล่อลื่นจะใช้สำหรับหล่อลื่นลูกสูบหรือระบบกลไกภายใน ก่อนเติมน้ำมันหล่อลื่นควรตรวจสอบให้ดี หรือให้ผู้เชี่ยวชาญเติมให้จะดีกว่า
- ใช้น้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสมกับเครื่องมือ ไม่ควรใช้น้ำมันประเภทอื่นที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเครื่องมือไฟฟ้า
- เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นตามรอบเวลาที่กำหนด เช่น ทุก ๆ 50-100 ชั่วโมงการทำงาน หรือขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผู้ผลิต
การตรวจสอบระบบไฟฟ้า
- ตรวจสอบสายไฟและขั้วต่อไฟฟ้า ว่ามีการเสียหายหรือหลุดหลวมไหม
- เช็กระบบตัดไฟอัตโนมัติ (Circuit Breaker หรือ GFCI) ว่ายังทำงานได้ดีหรือไม่
- เปิดเครื่องทดสอบหลังทำความสะอาด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาหลังจากบำรุงรักษา
3. วิธีเก็บรักษาเครื่องมือให้ปลอดภัย
การเก็บเครื่องมือในที่ที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องมือและเพิ่มอายุการใช้งาน
แนวทางในการเก็บรักษาเครื่องสกัดไฟฟ้า
- เก็บเครื่องสกัดไฟฟ้าไว้ในกล่องหรือกระเป๋าเก็บเครื่องมือ เพื่อป้องกันฝุ่นและความชื้น
- ไม่ควรวางเครื่องมือทับสายไฟ เพราะอาจทำให้สายไฟเสียหายและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- เก็บในที่แห้งและไม่มีความชื้นสูง ความชื้นอาจทำให้วงจรไฟฟ้าภายในเกิดความเสียหาย
- วางเครื่องมือให้ห่างจากสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น กรดหรือน้ำมันบางประเภทที่อาจทำให้วัสดุของเครื่องมือเสื่อมสภาพ
การป้องกันเครื่องมือจากฝุ่นและสิ่งสกปรก
- หากมีถุงเก็บฝุ่นหรือที่คลุมเครื่อง ควรใช้เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก
- ไม่ควรเก็บเครื่องไว้ใกล้กับเครื่องมือที่อาจปล่อยฝุ่นหรือเศษวัสดุขนาดเล็ก เช่น เครื่องเจียร หรือเครื่องขัด
4. การบำรุงรักษาเครื่องสกัดไฟฟ้าในระยะยาว
นอกจากการบำรุงรักษาหลังการใช้งานแล้ว ควรมีการตรวจสอบสภาพเครื่องมือเป็นระยะ เพื่อให้เครื่องยังคงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สิ่งที่ควรทำเป็นประจำ
- ตรวจเช็กหัวจับดอกสกัดว่ามีการสึกหรอหรือไม่ หากหัวจับเริ่มหลวม ควรเปลี่ยนหรือซ่อมแซม
- ตรวจสอบแปรงถ่านของมอเตอร์ (Carbon Brush) หากเครื่องสกัดไฟฟ้าใช้มอเตอร์แบบมีแปรงถ่าน ควรเปลี่ยนเมื่อถึงรอบอายุการใช้งาน
- หยอดน้ำมันหล่อลื่นในจุดที่จำเป็น เพื่อลดการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในมากเกินไปจนเกิดความเสียหายกับระบบ
- ทดสอบการทำงานของเครื่องเป็นระยะ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน แต่ก็ควรเปิดเครื่องทดสอบทุก 2-3 เดือน
เครื่องสกัดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์สำคัญในงานก่อสร้างและรื้อถอนคอนกรีต ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น การใช้งานที่ถูกต้องเริ่มต้นจาก การเตรียมตัวให้พร้อม โดยตรวจสอบสภาพเครื่องมือ เลือกแหล่งพลังงานที่เหมาะสม และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เพื่อความปลอดภัย การตั้งค่ากำลังและแรงกระแทกให้เหมาะสมกับลักษณะงาน รวมถึงเทคนิคการจับเครื่องมือที่ถูกต้อง ล้วนช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและทำให้การควบคุมทิศทางการสกัดเป็นไปอย่างแม่นยำ
นอกจากการใช้งานที่เหมาะสมแล้ว การบำรุงรักษาหลังการใช้งาน ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยืดอายุเครื่องมือ ควรทำความสะอาดเครื่องทุกครั้งหลังใช้งาน ตรวจสอบความเสียหายของดอกสกัดและระบบไฟฟ้า รวมถึงเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นตามระยะเวลาที่กำหนด การจัดเก็บเครื่องมืออย่างถูกต้องในพื้นที่ที่แห้งและปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงจากฝุ่นและความชื้นที่อาจทำให้เครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วหวังว่าคุณจะได้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานเครื่องสกัดคอนกรีดไฟฟ้า และสามารถปฏิบัติตามแนวทางการใช้งาน ขั้นตอนบำรุงรักษาเครื่องสกัดไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้คุณใช้เครื่องมืออย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด
หากคุณต้องการเครื่องสกัดคอนกรีตที่มีคุณภาพ บริษัท นำแสงจักรกล จำกัด มีบริการให้คำปรึกษาเพื่อเลือกเครื่องสกัดคอนกรีตที่ตรงความต้องการ เรามีบริการจัดจำหน่ายหัวสกัดคอนกรีตแบบลม ขนาด 7, 20, 30 KG และแบบไฟฟ้า ขนาด 12 KG Hilti Electric Jack Hammer พร้อมบริการหลังขายครบวงจร